เงินได้ที่จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน กรณีจ่ายเงินชดเชยให้หลายครั้ง (ทะยอยจ่าย) ผู้มีเงินได้สามารถใช้สิทธิแยกยื่นได้ครั้งเดียวในปีภาษีแรกที่จ่ายเงินได้เท่านั้น ในปีภาษีถัดไปไม่สามารถใช้สิทธิแยกยื่นได้ เพิ่มเติม กรณีเป็นการเลิกจ้าง (ลูกจ้างไม่ได้ลาออกเอง) เฉพาะเงินชดเชยที่จ่ายตามกฎหมายแรงงาน (เท่านั้น) ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งนายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ตามมาตรา 48 (5) และมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ——————————————— อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 48(5) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดลักษณะของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน และจ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้…
Author: admin
แนวปฏิบัติการแยกยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสามีและภริยา
การยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสามีภริยาในปีภาษี 2555 จากเดิมเงินได้ของภรรยาให้ถือเป็นเงินได้ของสามี แต่ในปีภาษี 2555 เป็นต้นไป เงินได้ทุกประเภท (ทุกมาตรา) ของภรรยาไม่ถือเป็นเงินได้ของสามีอีกแล้ว จึงทำให้ภริยามีสิทธิแยกยื่นเสียภาษีในนามของตนเอง โดยไม่ต้องนำเงินได้ไปรวมกับสามีอีกแล้ว ยกเว้นว่าเป็นเงินได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันให้ยื่นเสียภาษีในนามคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลแทน คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 17/2555 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2555 ว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยาตามมาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นการจำกัดสิทธิสามีและภริยาในการยื่นรายการและเสียภาษี ถือว่า ไม่ส่งเสริมความเสมอภาคของชายและหญิง กรณีจึงขัดหรือแย้งต่อมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ บทบัญญัติตามมาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ แห่ง ประมวลรัษฎากร จึงเป็นอันใช้บังคับมิได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลให้มีผลในวันอ่าน คือ ตั้งแต่วันที่ ๔…
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีชดใช้เงินเดือนและเบี้ยปรับแทนลูกจ้าง
การรับลูกจ้างที่มีภาระผูกพันจากการลาไปศึกษาต่อ ซึ่งนายจ้างมักให้ทุนการศึกษาและจ่ายเงินเดือนให้ระหว่างลาไปศึกษาต่อ แต่จะมีสัญญาผูกมัดให้กลับมาทำงานกับนายจ้างเป็นระยะเวลากี่ปีแล้วแต่จะตกลงกัน กรณีลูกจ้างลาออกจากงานก่อนกำหนดอาจต้องชดใช้เงินคืนให้แก่นายจ้างรวมทั้งอาจจะมีเบี้ยปรับด้วย อันนี้เป็นกรณีที่ลูกจ้างได้รับทุนการศึกษาและออกงานจากก่อนกำหนด โดยนายจ้างใหม่ยินดีชดใช้เงินคืนรวมทั้งค่าปรับให้แก่นายจ้างเดิม สำหรับเงินค่าชดเชยและค่าปรับที่จ้างใหม่จ่ายแทนให้ลูกจ้าง ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (1) ของลูกจ้าง ซึ่งนายจ้างใหม่มีหน้าที่คำนวณภาษีและนำส่งต่อไป เลขที่หนังสือ : กค.0702/4669 วันที่ : 8 มิถุนายน 2555 เรื่อง : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการชดใช้เงินเดือนและเบี้ยปรับตามสัญญาลาศึกษา ข้อกฎหมาย : มาตรา 39 มาตรา 40(1) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อหารือ สำนักงานฯ ได้หารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการชดใช้เงินเดือนและเบี้ยปรับตามสัญญาลาศึกษา โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า สำนักงานฯ เป็นองค์การมหาชน จัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มีความประสงค์จะรับนาย ช. และนาย ศ. ซึ่งปัจจุบันเป็นพนักงาน ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แต่เนื่องจากบุคคลทั้งสองราย ได้รับอนุมัติจาก สวทช….
การนับอายุการทำงานต่อเนื่อง กรณีย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ผมมักได้รับการสอบถามเรื่องการนับอายุการทำงานต่อเนื่อง กรณีย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากบริษัทเก่าไปยังบริษัทใหม่เนื่องจากได้ลาออกจากงาน ว่าสามารถนับอายุงานการทำงานต่อเนื่องกันได้หรือไม่ ซึ่งการนับอายุการทำงานต่อเนื่องจะทำให้สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนกรณีทำงานมากกว่า 5 ปี หักลดหย่อนได้ครึ่งหนึ่งและยังใช้สิทธิแยกยื่นภาษีระหว่างเงินเดือนกับเงินได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ด้วย จากข้อหารือจะพบว่า ไม่สามารถนับอายุการทำงานต่อเนื่องได้ครับ กรณีที่จะนับอายุสมาชิกของกองทุนต่อเนื่องได้ (ไม่ใช่อายุการทำงานต่อเนื่อง) ต้องเป็นกรณีเกษียณอายุเท่านันครับ เช่น ทำงานแค่ 4 ปี (แต่ครบเกษียณอายุ) และเป็นสมาชิกกองทุนมาต่อเนื่องจากทุกบริษัทแล้วรวมกันครบ 5 ปีพอดี แบบนี้ถึงจะเข้าหลักเกณฑ์ครับ เลขที่หนังสือ : กค 0702(กม.05)/2733 วันที่ : 18 ธันวาคม 2551 เรื่อง : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการเลือกเสียภาษีตามมาตรา 48(5) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้รับในปีภาษีอื่นที่มิใช่ปีที่ออกจากงาน ข้อกฎหมาย : มาตรา 48(5) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ (ฉบับที่ 45) ข้อหารือ นาย จ. มีเงินได้ตามมาตรา 40(1) และมาตรา 40(4) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีนายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานและเลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้ประเภทอื่น ขอคืนภาษี…
ให้ของขวัญปีใหม่แก่พนักงาน ต้องทำอย่างไร
กรณีที่นายจ้างได้ให้ของขวัญปีใหม่แก่พนักงานประจำปี และได้กำหนดไว้เป็นระเบียบสวัสดิการพนักงาน ไม่ว่าจะให้ทุกคนหรือให้เฉพาะบางคนก็ตาม ไม่ว่าจะให้เป็นเงินสด บัตรกำนัล สินค้า สิ่งที่ต้องทำคือ 1.ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของพนักงานตามมาตรา 40 (1) ถือเป็นประโยชน์เพิ่มที่ได้รับ 2.นายจ้างมีหน้าที่ต้องคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ยื่นแบบรวมกับเงินเดือน ภงด.1) 3.นายจ้างสามารถนำมาบันทึกเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้าม 4.หากนายจ้างเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อของขวัญดังกล่าวขอคืนหรือเครดิตภาษีขายได้ไม่ต้องห้าม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนายจ้างได้มอบของขวัญให้แก่พนักงาน ถือว่านายจ้างขายสินค้าให้แก่พนักงานต้องนำส่งภาษีขายด้วย 5.ถ้านายจ้างให้ของขวัญแก่พนักงานจะต้องเสียภาษีขาย ถือเป็นการขายในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าให้เป็นเงิน บัตรกำนัล หรือสินค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น หนังสือ ตำรา ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 6.ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.86/2542 ข้อ 2 (10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนจำหน่าย จ่าย โอนสินค้า โดยไม่มีค่าตอบแทน และไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร http://www.rd.go.th/publish/3568.0.html 7.เมื่อถือเป็นรายจ่ายของนายจ้าง ก็ต้องถือเป็นรายได้ของพนักงานด้วย และหากไม่ต้องการเสียภาษีขาย ก็ควรให้เป็นเป็นเงินสด บัตรกำนัล…