กรณีที่นายจ้างได้ให้ของขวัญปีใหม่แก่พนักงานประจำปี และได้กำหนดไว้เป็นระเบียบสวัสดิการพนักงาน ไม่ว่าจะให้ทุกคนหรือให้เฉพาะบางคนก็ตาม ไม่ว่าจะให้เป็นเงินสด บัตรกำนัล สินค้า สิ่งที่ต้องทำคือ
- 1.ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของพนักงานตามมาตรา 40 (1) ถือเป็นประโยชน์เพิ่มที่ได้รับ
- 2.นายจ้างมีหน้าที่ต้องคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ยื่นแบบรวมกับเงินเดือน ภงด.1)
- 3.นายจ้างสามารถนำมาบันทึกเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้าม
- 4.หากนายจ้างเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อของขวัญดังกล่าวขอคืนหรือเครดิตภาษีขายได้ไม่ต้องห้าม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนายจ้างได้มอบของขวัญให้แก่พนักงาน ถือว่านายจ้างขายสินค้าให้แก่พนักงานต้องนำส่งภาษีขายด้วย
- 5.ถ้านายจ้างให้ของขวัญแก่พนักงานจะต้องเสียภาษีขาย ถือเป็นการขายในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าให้เป็นเงิน บัตรกำนัล หรือสินค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น หนังสือ ตำรา ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- 6.ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.86/2542 ข้อ 2 (10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนจำหน่าย จ่าย โอนสินค้า โดยไม่มีค่าตอบแทน และไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร http://www.rd.go.th/publish/3568.0.html
- 7.เมื่อถือเป็นรายจ่ายของนายจ้าง ก็ต้องถือเป็นรายได้ของพนักงานด้วย และหากไม่ต้องการเสียภาษีขาย ก็ควรให้เป็นเป็นเงินสด บัตรกำนัล หรือสินค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
- องค์ประกอบของสวัสดิการพนักงานมีดังนี้
1). จะต้องระบุไว้ในระเบียบพนักงาน หรือระเบียบขององค์กร
2). ต้องไม่เลือกปฏิบัติ ต้องให้มีสวัสดิการแก่พนักงานทุกคนในองค์กร
3). ต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ ซึ่งจ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น
สรุป
- บริษัทสามารถนำมาบันทึกเป็นรายจ่ายได้ (ไม่ต้อห้าม)
- พนักงาน ถือเป็นเงินได้ของพนักงานที่ได้รับ (ต้องนำมารวมเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
- ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากการซื้อ กิจการมีสิทธิ์ขอคืนภาษีได้ไม่ต้องห้าม
- ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายขาย (กรณีให้เป็นของ) กิจการก็ต้องนำส่งเมื่อมีการแจกของขวัญพนักงาน